
เพราะบ่าวสาวไม่เคยแต่งงาน จึงไม่เข้าใจว่าบุคคลไหนที่ต้องทำหน้าที่ใดบ้าง และจะช่วยเขาได้อย่างไร
โพสนี้ยาวมากค่ะ เขียนไว้ในเพจตั้งแต่ สิงหาคม 2019
นายพิธี/พิธีกร/รันคิว
เดิมทีการแต่งงานสมัยโบราณ คือการให้ผู้ใหญ่ที่มีความรู้ด้านพิธีการมาเป็นเจ้าพิธี(นายพิธี) บอกลำดับการจัดงานให้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นในหลายท้องถิ่น เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ หรือเป็นผู้ที่ได้รับความรู้จากในรั้วในวัง มาถ่ายทอด ที่ใดมีผู้ทำพิธีการเช่นนี้ให้ จึงถือว่าเป็นหน้าเป็นตาแก่ครอบครัว ว่าได้ทำพิธีการเหล่านี้อย่างครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ .. และนั่นคือสิ่งที่อิฉันนำมาปรับประยุกต์ให้เข้ากับการเป็นพิธีกร
เจ้าพิธี-นายพิธี-นายขันหมาก เป็นผู้ลำดับงาน ลำดับพิธี บอกกล่าวเล่าเรื่องไปว่าต้องทำอะไรก่อนหลังอย่างไร บ่าวสาว ครอบครัวก็มีหน้าที่ทำไปตามนั้น เป็นพิธีที่ทำกันแค่ล้อมวงในบ้าน ไม่ได้มีการใช้เครื่องขยายเสียง ใช้ไมโครโฟนแบบสมัยนี้
การเป็นพิธีกรคือการนำเอาทักษะการพูด การดูแลผู้ฟัง มาผสมผสาน ให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วม และรับรู้ว่า ณ ที่ทำพิธีกำลังทำนั้น เป็นขั้นตอนไหนอย่างไร เพื่ออะไร และลำดับพิธีไปด้วยในคราเดียวกัน เกิดเป็นพิธีกรที่เป็นนายพิธีด้วยในแบบสมัยปัจจุบันนี้ ซึ่งต่างคนต่างมีสไตล์ของตน ลูกค้าสามารถเลือกได้จากการติดตามผลงานแต่ละท่าน
ซึ่ง.. ทีแรกมีแค่พิธีกรหรือนายพิธีคนเดียวก็น่าจะเพียงพอ แล้วก็ให้คนในงานช่วยกันก็ได้ หรือ ให้เจ้าหน้าที่ของสถานที่ช่วยก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็มีทีมที่ดูแลตรงนี้โดยเฉพาะเป็นผู้ช่วยนายพิธี/พิธีกรขึ้นมาดีกว่า เกิดเป็นชื่อเรียกกันมาว่า รันคิว (Qrunner)
อิฉันทำพิธีกรงานแต่งงานมาหลายปี ตอนแรกก็ไปกับน้องชาย 2 คน บางงานก็ไปคนเดียว ซึ่งเราต้องเสี่ยงมาก ว่าไปถึงที่งานแล้วจะเจอสถานการณ์แบบไหน ครอบครัวจะน่ารักมั้ย จะมีใครที่มีอิทธิพลต่องานโผล่ขึ้นมารึเปล่า สถานที่จะช่วยเราแค่ไหน บลาๆ
ว่ากันถึงเจ้าหน้าที่ของสถานที่ต่างๆ กล่าวถึงรวมๆไม่เจาะจง แต่เป็นความจริงแล้วกันเนาะ หากลูกค้าบอกว่าจัดที่ที่ไม่ใช่โรงแรม เราจะต้องคิดไว้ก่อนเลยว่า Only me แน่นอน เพราะนั่นคือเขาเช่าแค่สถานที่ หรือจัดที่บ้าน อาจจะมีทีมตกแต่งมาเซทของไว้ให้ แล้วจากไป เราต้องทำทุกอย่าง ถามว่าทำได้มั้ย ทำได้ค่ะ ทำมาแล้ว เหนื่อยมาก ยุ่งมาก มาจะเล่าให้ฟัง
- ไปถึงงาน ดูห้องจัดงาน จุดเริ่มขบวน
- ทักทายพี่ๆทีมงาน ช่างภาพ คนของสถานที่ ดูว่าจะมีใครอยู่ช่วยเราบ้าง
- เชคของขันหมาก บางงานยังไม่ได้แกะ ไม่ได้เรียงเลยค่ะ ขนม ถาด ยังแยกกัน พลาสติกห่อ บลาๆเราก็จัดให้เรียบร้อย
- พอบ่าวสาวพร้อมครอบครัวพร้อมก็เริ่มงาน
- กล่าวทักทายแขกเล็กน้อย แจ้งกำหนดการ
- หาผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ทวนหน้าที่ของท่านอีกทีว่า ท่านจะอยู่ฝ่ายไหน พูดอะไร ที่ไหน ทำอะไรบ้าง บางท่านเป็นงานก็สบายๆ
- หาหัวหน้าห้องเพื่อนเจ้าสาว เอาสายกั้นประตูให้ บอกจุดกั้น แล้วเรียงต่อไป
- ไปจัดขันหมาก วางของสินสอดพอประมาณ เชิญช่างภาพเก็บภาพ แล้วเริ่มตั้งขบวน
- นำโห่ ปล่อยขบวนตามฤกษ์เวลา แล้ววิ่ง(ย้ำค่ะ วิ่ง!) มาช่วยดูแลที่หน้าประตูเชิญขันหมากฝ่ายหญิง
- ช่วยเจ้าบ่าว 1 ประตูแรกแล้วเข้าไปเตรียมเวทีด้านใน
บลาๆๆ
เอาเป็นว่า จัดขันหมาก จัดคนกั้นประตู ช่วยแนะนำว่าใครอยู่ตรงไหน ทำอะไร พูดอย่างไรเป็นเราทั้งหมด ถ้าที่ไหนมีเจ้าหน้าที่ของสถานที่คอยช่วย หยิบยกย้าย ก็ดีไป ถ้าที่ไหนไม่มี ก็อิฉันกับช่างภาพนี่ล่ะที่จะช่วยกัน ยกโต๊ะ จัดของ เพื่อให้ภาพและงานออกมาสมบูรณ์ บางทีจัดงานที่บ้านถามหาของจากเจ้าบ้าน แม่ๆก็งงๆ หลงๆ อะไรอยู่ตรงไหนก็มี
ก็ทำคนเดียวได้นี่ แล้วจะบ่นอะไร ...
ก็แหม... ถ้ามีผู้ช่วยด้วยจะดีมากค่ะ เพราะถ้าเราต้องทำเองทั้งหมดในเวลาที่จำกัด หรือถ้ามีเหตุอันไม่คาดคิดขึ้นมา ย่อมเกิด Error ได้ง่าย (จัดขันหมากบ้านไหนเยอะๆยุ่งๆปาไปครึ่งชม.ยังไม่เสร็จ เกินฤกษ์ไปอีกก็มี) ลืมนู่นลืมนี่ ถ้ามีทีมผู้ช่วยมืออาชีพ เขาจะช่วยเราจัดเตรียมได้ทันที ว่าช่วงนี้พิธีนี้ต้องมี ต้องใช้ อะไรบ้าง ตัดสินใจเด็ดขาด แก้ปัญหาได้ฉับไว ด้วยการทำงานเป็นทีม ที่เราได้มีการวางแผนร่วมกันกับบ่าวสาวและครอบครัวมาก่อนหน้านี้แล้ว
ถ้าเป็นช่วงงานเลี้ยง
ทั้งจัดเพื่อนนั่งจุดลงทะเบียน พาบ่าวสาวซ้อมคิว จัดเพื่อนเจ้าสาวเปิดตัว วิ่งไปเปิดเพลง ปิดไฟ กดพรีเซนท์ ส่งเทียน ส่งกระบี่ อิฉันคนเดียวก็ทำมาแล้ว เพราะลูกค้าไม่เข้าใจ คิดแค่ว่างานง่ายๆ แต่มันมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายค่ะ บางสถานที่ก็ดีเตรียมให้หมด บางที่ก็หาย หรือไม่ค่อยจัดงานแต่งทำกันไม่ถูกก็มี (เคยเจอพี่เครื่องเสียงสถานที่ ต้องเสิร์ฟอาหารด้วย เฮ้ย!!!) หากจะให้เราออกปากใช้เพื่อนบ่าวสาว บางงานน่ารักก็ดีไป แต่เราต้องอธิบายงานซ้ำๆ สู้เราเอาคนเป็นงานมาทำง่ายกว่า
หลายๆงานเข้าใจว่าเพื่อนก็อยากช่วย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยตรงไหน ทำอะไรบ้าง แบ่งงานไม่ถูก บางงานอย่างหมั้นเช้าเลี้ยงกลางวันแข่งกับเวลา คอนโทรลแขกไม่ได้ ไม่มีใครจัดโต๊ะให้แขก ยิ่งยุ่งกันไปใหญ่
ปูมาตั้งนานก็จะบอกว่า เจ้าหน้าที่รันคิวนั้นสำคัญค่ะ ถ้าพอมีบัทเจทอีกนิด ก็ถือว่าซื้อความสบายใจนะคะ
สังเกตว่าหากลูกค้าติดต่อถามคิวงาน อิฉันจะนำเสนอทีมงานไปด้วยเสมอ เพราะมั่นใจว่าถ้าลูกค้าได้ทีมเราไปงานจะออกมาดีแน่ๆ เหมือนซื้อ insurance เป็นหลักประกัน ทั้งงานหมั้นงานเลี้ยง หรือถ้าลูกค้ามีทีมรันคิวแล้ว มีออแกไนซดูแลแล้ว อยากได้แต่พิธีกร อันนี้ไม่ว่ากัน เราทำงานกับใครก็ได้ เพราะเราน่ารัก 5555
แต่ถ้า ทางสถานที่แจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่รันคิวให้แล้ว แล้วบอกลูกค้าว่าไม่ต้องนำเข้า อันนี้อาจขอถามลึกลงไปอีก ว่าเขาเหล่านั้นจะช่วยเหลือดูแลจุดใดบ้าง เพราะลูกค้าไม่ผิดที่ไม่จ้างเพราะลูกค้าไม่เคยแต่งงานและไม่รู้ ทางนี้บอกมีแล้วก็จบ แต่ที่บอกว่ามีให้ .. มีแค่ไหน มาแตกประเด็นนี้กัน
บางโรงแรมที่ช่วยเหลือดูแลเราดีมากเก็บไว้เป็นลิสอันดับต้นๆของการทำงานด้วยแล้วสบายใจก็มีหลายที่ หรือบางสถานที่ที่ไปแล้วไม่ขอไปอีกก็มีเหมือนกัน
ปกติ ถ้าเป็นโรงแรมหรูๆ มักจะมีพนักงานผู้หญิงคอยดูแลเจ้าสาวอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำ จัดกระโปรง จับสไบให้ค่ะ (รร. 5 ดาว+)
นอกนั้นทั่วไปจะมีพี่เจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออย่างน้อย 2 ท่าน เพื่อหยิบจับยกย้ายข้าวของต่างๆ แต่บางทีพี่ๆเหล่านี้ก็ต้องดูแลงานส่วนอื่นของสถานที่ตามหน้าที่หลักเขาด้วย (ซึ่งบางครั้งอาจหายไปในยามที่ต้องการ)
ส่วนที่ทีมรันคิวจะช่วยเพิ่มเติมในสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ของสถานที่อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่งก็เป็นงานที่ช่วยพิธีกร/นายพิธีนี่ล่ะค่ะ
งานหมั้น
ช่วยแนะนำบอกบทบาทผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
ช่วยจัดขันหมาก(ถ้าเยอะก็ช่วยตามคนถือ)
ช่วยจัดคนกั้นประตู
ช่วยจัดคนตามจุดต่างๆ
ช่วยตามรายชื่อญาติๆ
ช่วยซักซ้อมบ่าวสาวตอนไหว้ผู้ใหญ่
ช่วยซักซ้อมเพื่อนๆส่งน้ำสังข์
งานเลี้ยง
ช่วยดูแลจุดลงทะเบียนเบื้องต้น จนกว่าคนของลูกค้าจะเข้ามาประจำที่
ช่วยพาบ่าวสาวซ้อมคิว
ช่วยจัดคิวถ่ายภาพ
ช่วยถ่ายภาพด้วยมือถือแขก
ช่วยประจำจุดคอนโทรล แสงสีเสียง ว่าลำดับจะเป็นไปตามที่เราวางแผนไว้
ช่วยดูแลพ่อแม่ ท่านประธาน
ช่วยดูแลบ่าวสาวเป็นพี่เลี้ยงข้างกาย ทานอะไรมั้ย เปลี่ยนชุดมั้ย เปลี่ยนรองเท้ามั้ย
ช่วยจัดคิวเพื่อนๆตอนเปิดตัว
ช่วยลำดับงานต่างๆให้เป็นไปตามที่วางไว้
แม้แต่ช่วยเชิญเพื่อนให้มารับช่อดอกไม้เยอะๆ เราก็ทำ
จริงๆงานยิบย่อยกว่านี้ค่ะ สุ่มหลวม ติดเวล ถอดเวล ผมหลุด บลาๆ ถึงหน้างานเรามีหน้าที่ดูแลจัดการให้งานออกมาเรียบร้อยด้วยดี โดยอาศัยการทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเป็นสำคัญ (เขียนมาถึงตรงนี้ ใครที่คิดว่าจะสร้างทีมรันคิวดีๆเก็บรายละเอียดได้เลยนะคะ)
แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะมาทำตรงนี้ได้นะคะ ต้องมี service mind สูงมาก และต้องเคยผ่านการเป็นผู้ช่วยในงานแต่งงานมาก่อน คือจะเป็นสตาฟงานอีเวนท์อยู่แล้วจู่ๆโดดมาทำวันแรกเลย ไม่ได้ค่ะ ต้องมีระยะเรียนรู้งานด้วย เพราะงานแต่งงานบ่าวสาวเขาแต่งครั้งเดียว ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว (ล่าสุดอิฉันเจอลูกค้าจ้างทีมมากับแพลนเนอร์ ซึ่งน้องใหม่มาก แล้วไม่รู้ว่าตรงไหนต้องทำอะไร เป็นอิฉันเองที่ซ้อมคิวให้ และพี่ช่างภาพที่บอกคิวระหว่างงานให้ค่ะ)
สรุป .. การมีพิธีกรมืออาชีพ ว่าดีแล้ว การมีทีมรันคิวเจ๋งๆด้วย ยิ่งดีกว่า สังเกตได้ว่าบางงานจะให้บ่าวสาวหาเพื่อนมาเป็นพิธีกร แล้วจัดทีมรันคิวมืออาชีพดูแลให้ งานก็แฮปปี้ได้เหมือนกัน 2 จุดนี้สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันหรอกค่ะ
ลูกศรเองทำงานคนเดียวมานาน พอจัดทีมขึ้นมายิ่งทำให้งานสมบูรณ์มากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น และหลายๆครั้งก็เกินความคาดหมาย กลายเป็นความประทับใจให้บ่าวสาวได้บอกต่อกัน บ่อยครั้งที่ลูกค้าใช้พิธีกรเป็นเพื่อนเป็นเซเลป เป็นผู้มีชื่อเสียง เราก็รับหน้าที่รันพิธีการข้างเวทีอย่างยินดี ลูกศรภูมิใจในเสื้อทีมของเรามากนะ มันเหมือนพอใส่เสื้อแล้วความเป็นทีมดูแลงานแต่งงานมืออาชีพมันพุ่งปรี๊ดดดด วันนี้พอมีงานที่ไปพร้อมทีมเราจะแฮปปี้มาก ว่าเราจะเบาแรงและมีเวลาใส่ใจกับบทบาทการเป็นผู้ดำเนินรายการในพิธีของเรามากพอ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของงานให้ดีด้วย
ฝากว่าที่บ่าวสาวพิจารณา ให้มีทีมรันคิวช่วยดูแลงานให้จะดีไม่น้อยค่ะ ทีมดังๆเขาจองกันข้ามปีนะคะ ถ้ามีทีมโปรเฟสชั่นแนลดูแลให้ สถานที่สบาย ช่างภาพทำงานง่าย บ่าวสาวหายห่วงค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ